ทำไมปี 2025 ถึงเป็นปีทองของ “มือถือคุ้มราคา”?

ตลาดสมาร์ทโฟนในปี 2025 เต็มไปด้วยตัวเลือกมากมาย ไม่ว่าคุณจะเน้นกล้อง เน้นเล่นเกม หรือใช้งานทั่วไป ก็มีรุ่นคุ้มค่าออกมาเพียบ แถมเทคโนโลยีหลายอย่างที่เคยอยู่แค่ในรุ่นท็อป ก็เริ่มมาโผล่ในรุ่นราคาประหยัด ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ AMOLED, Refresh Rate 120Hz, ชิปเซ็ตแรงระดับเรือธงรุ่นเก่า ไปจนถึงกล้อง AI และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานเกินวัน

บทความนี้จะพาคุณไปดู 10 รุ่นที่เราอยากแนะนำ เพราะทั้ง “คุ้มค่า” และ “ไม่แพง” พร้อมจุดเด่น จุดสังเกต ที่ช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

1. POCO X6 5G

• ราคาโดยประมาณ: 8,999 บาท
• จุดเด่น: ชิป Snapdragon 7s Gen 2, หน้าจอ AMOLED 120Hz, กล้อง 64MP OIS
• เหมาะกับใคร: คนที่ชอบเล่นเกม ดูหนัง และถ่ายรูปกลางคืน
• ข้อสังเกต: ไม่กันน้ำกันฝุ่น

POCO X6 5G คือแชมป์รุ่นกลางที่ราคาน่าคบหา มาพร้อมชิปใหม่ที่แรงพอตัว ใช้จอคุณภาพสูง แถมกล้องยังใส่กันสั่นมาให้ด้วย

2. realme Narzo 70 Pro 5G

• ราคาโดยประมาณ: 7,999 บาท
• จุดเด่น: ชิป Dimensity 7050, กล้อง 50MP Sony IMX890
• เหมาะกับใคร: เน้นกล้องในราคาประหยัด
• ข้อสังเกต: ยังไม่วางขายทั่วประเทศ

realme จัดเต็มเรื่องกล้องในราคาที่ไม่เกินหมื่น ใช้เซ็นเซอร์กล้องตัวเดียวกับรุ่นแพง แถมยังมีระบบระบายความร้อนดี

3. Samsung Galaxy A15 5G

• ราคาโดยประมาณ: 6,999 บาท
• จุดเด่น: จอ Super AMOLED, แบต 5,000 mAh
• เหมาะกับใคร: คนที่เน้นจอสวย ใช้งานทั่วไป ลื่น ๆ
• ข้อสังเกต: ไม่เหมาะกับเกมกราฟิกหนัก

แม้ราคาจะประหยัด แต่ Samsung ก็ยังไม่ทิ้งคุณภาพของจอ Galaxy A15 5G เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนอยากได้จอ AMOLED ในราคาคุ้มค่า

4. Redmi Note 13 5G

• ราคาโดยประมาณ: 7,499 บาท
• จุดเด่น: ชิป Dimensity 6100+, จอ AMOLED, กล้อง 50MP
• เหมาะกับใคร: ใช้งานทั่วไป ถ่ายรูป เล่นโซเชียล
• ข้อสังเกต: ไม่มีเลนส์ Ultra-Wide

Redmi Note 13 5G เป็นมือถือที่เหมาะกับการใช้งานทั่ว ๆ ไปมาก ๆ สเปกสมดุลทุกด้าน โดยเฉพาะหน้าจอและกล้อง

5. Infinix Zero 30 5G

• ราคาโดยประมาณ: 9,499 บาท
• จุดเด่น: กล้องหน้า 50MP ถ่าย Vlog ได้ดี
• เหมาะกับใคร: สายคอนเทนต์ ถ่ายวิดีโอลงโซเชียล
• ข้อสังเกต: UI ยังไม่ลื่นไหลเท่าค่ายใหญ่

Infinix Zero 30 5G คือมือถือที่เน้น “กล้องหน้า” เป็นหลัก โดยเฉพาะคนที่ชอบถ่ายวิดีโอตัวเอง Vlog TikTok รุ่นนี้ตอบโจทย์

6. OnePlus Nord CE 3 Lite 5G

• ราคาโดยประมาณ: 8,999 บาท
• จุดเด่น: ชิป Snapdragon 695, กล้อง 108MP
• เหมาะกับใคร: คนที่ชอบ OnePlus UI เน้นเสถียร
• ข้อสังเกต: ไม่มีจอ AMOLED

OnePlus Nord CE 3 Lite มีความเป็น “แฟนพันธุ์แท้ OnePlus” สูงมาก แม้จะเป็นรุ่นราคาประหยัด แต่ก็ยังคงความลื่น เสถียร และดูพรีเมียม

7. vivo Y100 5G

• ราคาโดยประมาณ: 9,999 บาท
• จุดเด่น: ดีไซน์บางเบา, กล้องหลังคู่ 64MP OIS
• เหมาะกับใคร: คนที่อยากได้มือถือเบา ๆ พกสะดวก
• ข้อสังเกต: เล่นเกมหนัก ๆ ไม่แนะนำ

vivo Y100 โดดเด่นด้านความบางเบา และกล้องที่มีระบบกันสั่น ถ่ายรูปกลางคืนได้ดีในระดับราคานี้

8. iPhone SE (2022)

• ราคาโดยประมาณ: 12,900 บาท (ลดราคาแล้วหลายร้าน)
• จุดเด่น: ชิป A15 Bionic, iOS อัปเดตยาว
• เหมาะกับใคร: คนที่อยากใช้ iPhone ในงบไม่เกิน 15,000
• ข้อสังเกต: หน้าจอเล็ก และขอบหนา

แม้จะไม่ใช่รุ่นใหม่ แต่ iPhone SE ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนอยากเข้ามาใช้ระบบ iOS ในราคาย่อมเยา

9. TECNO CAMON 30 Pro 5G

• ราคาโดยประมาณ: 8,999 บาท
• จุดเด่น: กล้อง 50MP OIS, RAM 12GB
• เหมาะกับใคร: คนที่อยากได้มือถือแรง ๆ ในงบไม่เกินหมื่น
• ข้อสังเกต: UI อาจต้องปรับตัว

TECNO CAMON 30 Pro มาพร้อมกับ RAM ที่สูงถึง 12GB ใช้งานลื่นไหลเกินราคา แถมกล้องยังใส่ OIS มาให้ด้วย

10. Motorola G73 5G

• ราคาโดยประมาณ: 7,999 บาท
• จุดเด่น: ใช้ Android แบบสะอาด ไม่มีโฆษณา
• เหมาะกับใคร: คนที่ไม่ชอบเครื่องมีแอปเยอะ ๆ
• ข้อสังเกต: อาจหาเครื่องได้ยากในบางพื้นที่

Motorola ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนชอบ UI แบบ Pure Android ใช้งานง่าย ไม่รก และอัปเดตเร็ว

สรุป: เลือกมือถือรุ่นไหนดีในปี 2025?

หากคุณมีงบไม่เกิน 10,000 บาท ปี 2025 มีสมาร์ทโฟนให้เลือกมากมายตามการใช้งาน ไม่ว่าจะเน้นกล้อง จอ เล่นเกม หรือแบตอึด

• เน้นกล้องดี ➝ realme Narzo 70 Pro, vivo Y100
• เน้นเล่นเกม ➝ POCO X6 5G, OnePlus Nord CE 3 Lite
• เน้นจอสวย ➝ Samsung A15 5G, Redmi Note 13
• เน้นระบบเสถียร ➝ iPhone SE, Motorola G73

ก่อนซื้อ อย่าลืมตรวจสอบโปรโมชั่นรายเดือน และส่วนลดจากร้านค้าออนไลน์ อาจได้มือถือในราคาถูกกว่าที่คิดอีกนะ!

Designed by Freepik