Photoshop คือตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่หลายคนใช้สำหรับการออกแบบและตกแต่งภาพ แต่ด้วยราคาที่สูงและความซับซ้อนในการใช้งาน ทำให้หลายคนมองหาทางเลือกอื่นๆ ที่มีความสามารถใกล้เคียงกัน แต่ใช้งานได้ง่ายกว่า หรือแม้กระทั่งฟรี!

ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 5 โปรแกรมที่สามารถใช้แทน Photoshop ได้ดี โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย โปรแกรมเหล่านี้มีฟีเจอร์ครบครันที่ช่วยให้คุณทำงานกราฟิกได้อย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขภาพ การออกแบบกราฟิก หรือการสร้างงานศิลปะดิจิทัล

1. GIMP (GNU Image Manipulation Program)

GIMP (GNU Image Manipulation Program) เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่รู้จักกันดีในวงการกราฟิกและการตกแต่งภาพฟรี ตัวโปรแกรมเปิดให้ใช้งานได้ฟรี และมีฟีเจอร์ที่ครบครันแทบทุกอย่างที่ Photoshop มี ทั้งเครื่องมือการเลือก การตัดต่อ การปรับแต่งสี และการจัดการเลเยอร์ต่างๆ

จุดเด่นของ GIMP:

• ฟรีและโอเพนซอร์ส: GIMP เป็นโปรแกรมฟรีที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้งาน
• เครื่องมือหลากหลาย: มีฟีเจอร์และเครื่องมือที่ครอบคลุมการทำงานทุกประเภท เช่น การตัดต่อ การแก้ไขภาพ การทำงานกับเลเยอร์
• การสนับสนุนปลั๊กอิน: สามารถติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้

เหมาะสำหรับ:

• นักออกแบบกราฟิกมือใหม่ที่ไม่อยากลงทุนซื้อโปรแกรมราคาแพง
• ผู้ที่ต้องการโปรแกรมฟรีที่มีฟีเจอร์ครบครัน

2. Affinity Photo

Affinity Photo เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์ระดับมืออาชีพ แต่ไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายในโปรแกรม Photoshop ตัวโปรแกรมนี้สามารถใช้ได้ทั้งใน Windows และ macOS และมีฟีเจอร์หลากหลายที่เหมือนกับ Photoshop

จุดเด่นของ Affinity Photo:

• ราคาไม่แพง: ไม่เหมือนกับ Photoshop ที่ต้องสมัครสมาชิก Affinity Photo เพียงแค่จ่ายครั้งเดียวและใช้งานได้ตลอด
• การจัดการเลเยอร์: มีฟีเจอร์ในการจัดการเลเยอร์ที่หลากหลาย รวมถึงฟังก์ชั่นการแต่งภาพแบบละเอียด
• รองรับไฟล์ PSD: สามารถเปิดและบันทึกไฟล์ Photoshop ได้ ทำให้สะดวกต่อการใช้งานร่วมกับผู้ใช้ Photoshop

เหมาะสำหรับ:

• นักออกแบบกราฟิกที่ต้องการโปรแกรมที่คุ้มค่ากับการลงทุน
• ผู้ที่ทำงานกราฟิกเป็นประจำและต้องการโปรแกรมที่มีฟีเจอร์ครบ

3. Pixlr

Pixlr เป็นโปรแกรมตกแต่งภาพที่ใช้งานง่ายและสามารถใช้งานได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โดย Pixlr มีทั้งเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันพรีเมียมที่สามารถใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูงได้

จุดเด่นของ Pixlr:

• ใช้งานง่าย: ด้วยอินเตอร์เฟซที่เรียบง่ายทำให้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและไม่ซับซ้อน
• รองรับการทำงานออนไลน์: คุณสามารถใช้ Pixlr ได้โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์
• ฟีเจอร์ขั้นสูง: ฟีเจอร์การแต่งภาพที่ครบถ้วนเช่น การปรับแต่งแสง การใช้เลเยอร์ และเครื่องมือกรองต่างๆ

เหมาะสำหรับ:

• ผู้ที่ต้องการโปรแกรมตกแต่งภาพง่ายๆ แต่มีฟีเจอร์ครบถ้วน
• คนที่ต้องการใช้โปรแกรมผ่านเว็บเบราว์เซอร์หรือสมาร์ทโฟน

4. Photopea

Photopea เป็นโปรแกรมฟรีที่สามารถใช้แทน Photoshop ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการโปรแกรมที่ทำงานผ่านเบราว์เซอร์แบบง่ายๆ โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ

จุดเด่นของ Photopea:

• รองรับไฟล์ PSD: สามารถเปิดและบันทึกไฟล์ Photoshop ได้
• ใช้งานฟรี: Photopea ให้บริการฟรี โดยไม่มีฟีเจอร์จำกัด
• ทำงานผ่านเบราว์เซอร์: ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้งโปรแกรม

เหมาะสำหรับ:

• ผู้ที่ต้องการใช้โปรแกรมที่สามารถเปิดไฟล์ PSD ได้โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์
• คนที่ไม่ต้องการติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติมในคอมพิวเตอร์

5. Krita

Krita เป็นโปรแกรมที่เน้นไปที่การวาดภาพและการสร้างงานศิลปะดิจิทัลที่เหมาะสำหรับนักวาดภาพและกราฟิกดีไซเนอร์ที่ต้องการเครื่องมือในการสร้างงานศิลปะที่มีคุณภาพ

จุดเด่นของ Krita:

• เหมาะสำหรับงานวาด: Krita มีเครื่องมือพิเศษสำหรับการวาดภาพ เช่น พู่กันและฟังก์ชั่นการวาดที่ละเอียด
• ฟรีและโอเพนซอร์ส: Krita สามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรี
• การรองรับหลายแพลตฟอร์ม: สามารถใช้งานได้ทั้งใน Windows, macOS และ Linux

เหมาะสำหรับ:

• นักวาดภาพดิจิทัลและนักสร้างงานศิลปะ
• ผู้ที่ต้องการเครื่องมือในการวาดภาพที่มีความสามารถสูงแต่ไม่มีค่าใช้จ่าย

สรุป

การหาตัวเลือกแทน Photoshop ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยากอีกต่อไป! ทั้ง GIMP, Affinity Photo, Pixlr, Photopea, และ Krita ล้วนเป็นโปรแกรมที่มีฟีเจอร์ครบครันและสามารถใช้แทน Photoshop ได้เป็นอย่างดี หากคุณกำลังมองหาทางเลือกที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง หรือเพียงแค่ต้องการโปรแกรมที่ใช้งานได้ง่ายและสะดวกในงานต่างๆ โปรแกรมเหล่านี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่จะช่วยให้คุณสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างมืออาชีพ

Designed by Freepik