เครื่องชงกาแฟแคปซูลเป็นทางเลือกที่สะดวกและง่ายสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟสดแต่ไม่มีเวลาชงกาแฟแบบดั้งเดิม ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยและวิธีใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก เครื่องชงกาแฟแคปซูลจึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 10 เครื่องชงกาแฟแคปซูลยอดนิยม พร้อมทั้งแนะนำวิธีเลือกเครื่องชงกาแฟที่เหมาะสมกับคุณ
วิธีการเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูล
พิจารณาจากแบรนด์และความเข้ากันของแคปซูล
- เช่น Nespresso และ Dolce Gusto ใช้แคปซูลที่แตกต่างกัน ตรวจสอบว่าแบรนด์ที่คุณสนใจมีแคปซูลที่หลากหลายและหาซื้อง่าย
ฟังก์ชันการใช้งาน
- บางรุ่นสามารถชงกาแฟได้หลากหลาย เช่น เอสเพรสโซ ลาเต้ หรือคาปูชิโน่
- หากคุณต้องการฟองนม ควรเลือกเครื่องที่มาพร้อมฟังก์ชันนี้
ดีไซน์และขนาดเครื่อง
- สำหรับพื้นที่เล็ก ควรเลือกเครื่องที่กะทัดรัด
- ดีไซน์ที่เข้ากับการตกแต่งบ้านหรือออฟฟิศของคุณ
ราคาและความคุ้มค่า
- ราคาเครื่องชงกาแฟแคปซูลมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น เลือกให้เหมาะกับงบประมาณและการใช้งาน
10 เครื่องชงกาแฟแคปซูลยอดนิยมในปี 2025
1. Nespresso Essenza Mini

จุดเด่น:
- เครื่องขนาดเล็กกะทัดรัด ใช้งานง่าย
- รองรับแคปซูล Nespresso ที่มีรสชาติหลากหลาย
เหมาะสำหรับ:
- คนที่เริ่มต้นใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูล
ราคา: ประมาณ 3,000-4,000 บาท
2. Dolce Gusto Genio S Plus

จุดเด่น:
- รองรับการชงเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็น
- มีระบบปรับระดับน้ำและแรงดันสูง
เหมาะสำหรับ:
- คนที่ต้องการเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ชงได้หลากหลายเมนู
ราคา: ประมาณ 4,000-6,000 บาท
3. Starbucks Verismo V

จุดเด่น:
- รองรับแคปซูลสตาร์บัคโดยเฉพาะ
- ให้รสชาติใกล้เคียงกาแฟในร้าน
เหมาะสำหรับ:
- แฟนคลับ Starbucks ที่อยากดื่มกาแฟโปรดที่บ้าน
ราคา: ประมาณ 5,000-7,000 บาท
4. Amazon Coffee Capsule Machine

จุดเด่น:
- รองรับแคปซูล Amazon ที่มีรสชาติหลากหลาย
- ดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานสะดวก
เหมาะสำหรับ:
- คนที่ชื่นชอบกาแฟ Amazon และต้องการความสะดวก
ราคา: ประมาณ 2,500-4,000 บาท
5. Nespresso Lattissima One

จุดเด่น:
- มาพร้อมฟังก์ชันทำฟองนมในตัว
- รองรับแคปซูล Nespresso
เหมาะสำหรับ:
- คนที่ชื่นชอบเมนูกาแฟนม เช่น ลาเต้หรือคาปูชิโน่
ราคา: ประมาณ 7,000-10,000 บาท
6. Dolce Gusto Infinissima Touch

จุดเด่น:
- ดีไซน์ล้ำสมัย มีหน้าจอสัมผัส
- รองรับเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็น
เหมาะสำหรับ:
- คนที่ชื่นชอบเครื่องที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย
ราคา: ประมาณ 5,000-6,500 บาท
7. Xiaomi Scishare Capsule Coffee Machine

จุดเด่น:
- รองรับแคปซูลหลากหลายแบรนด์
- ใช้งานง่ายและมีขนาดเล็ก
เหมาะสำหรับ:
- คนที่ต้องการความคุ้มค่าและใช้งานง่าย
ราคา: ประมาณ 3,000-4,500 บาท
8. Breville Creatista Plus

จุดเด่น:
- รองรับแคปซูล Nespresso
- มาพร้อมระบบทำฟองนมที่ปรับระดับได้
เหมาะสำหรับ:
- บาริสต้ามือใหม่ที่ต้องการสร้างสรรค์เมนูกาแฟ
ราคา: ประมาณ 15,000-20,000 บาท
9. Krups KP1A3B Piccolo XS

จุดเด่น:
- เครื่องขนาดเล็ก แต่ให้แรงดันสูง
- รองรับแคปซูล Dolce Gusto
เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่มีพื้นที่จำกัดแต่ต้องการกาแฟคุณภาพสูง
ราคา: ประมาณ 3,000-4,000 บาท
10. Philips L'Or Barista Sublime

จุดเด่น:
- รองรับแคปซูล L'Or และแคปซูล Nespresso
- ระบบชงกาแฟแบบ Double Shot
เหมาะสำหรับ:
- คนที่ต้องการกาแฟที่เข้มข้นและกลมกล่อม
ราคา: ประมาณ 5,000-7,000 บาท
เคล็ดลับการดูแลเครื่องชงกาแฟแคปซูล
- ทำความสะอาดเครื่องเป็นประจำ
- ล้างถาดรองน้ำหยดและส่วนที่สัมผัสกับกาแฟเพื่อป้องกันการสะสมของคราบ
- ใช้แคปซูลที่เหมาะสม
- เลือกแคปซูลที่ตรงกับรุ่นเครื่อง เพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงาน
- ขจัดคราบตะกรัน
- ใช้น้ำยาล้างตะกรันอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่อง
สรุป
เครื่องชงกาแฟแคปซูลเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับคนรักกาแฟที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว ทั้ง 10 รุ่นที่แนะนำนี้ล้วนเป็นเครื่องชงกาแฟที่มีคุณภาพ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
Designed by Freepik