คุณอาจเคยได้ยินคำว่า การระดมทุนจากประชาชน (Crowdfunding), การระดมเงินทุน, การร่วมลงทุน หรือการขอรับเงินบริจาค เหล่านี้ล้วนมีความหมายเหมือนกัน โดยหมายถึงการที่บุคคลหรือองค์กรระดมทุนจากผู้คนผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจะนำเสนอแนวคิด โปรเจกต์ หรือผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจและเห็นด้วยเข้าร่วมสนับสนุนผ่านการ บริจาค หรือ การซื้อสินค้า

หากโปรเจกต์ระดมทุนบรรลุเป้าหมายตามจำนวนเงินที่ตั้งไว้ในเวลาที่กำหนด ถือว่าระดมทุนสำเร็จ และสามารถนำเงินทุนมาใช้พัฒนาโปรเจกต์ได้ แต่ถ้าไม่ถึงเป้าหมาย เงินที่ได้รับการสนับสนุนจะถูกคืนกลับให้ผู้บริจาคทั้งหมด

ในไต้หวัน การระดมทุนแบบให้ผลตอบแทน (Rewards Crowdfunding) ได้รับความนิยมสูงที่สุด โดยมีแนวคิดคล้ายกับการสั่งจองล่วงหน้า ผู้สนับสนุนจะจ่ายเงินก่อน และเมื่อโปรเจกต์เสร็จสิ้นจะได้รับสินค้า/บริการที่สัญญาไว้

รูปแบบของ Crowdfunding มีอะไรบ้าง?

การระดมทุน Crowdfunding แบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ดังนี้

การระดมทุนแบบให้หุ้น (Equity Crowdfunding)

ผู้สนับสนุนจะลงทุนในบริษัทและได้รับหุ้นตามสัดส่วนเงินที่ลงทุน เช่น ในไต้หวันมีแพลตฟอร์ม Ditstartup, Masterlink Securities และ Dah Chang Securities ส่วนระดับโลก ได้แก่ AngelList และ OurCrowd

การระดมทุนแบบหนี้สิน (Debt Crowdfunding)

คล้ายกับการกู้ยืมเงิน โดยผู้สนับสนุนเป็นผู้ปล่อยกู้ และผู้ระดมทุนจะคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยภายในเวลาที่กำหนด

การระดมทุนแบบให้ผลตอบแทน (Rewards Crowdfunding)

เป็นประเภทที่คนทั่วไปคุ้นเคยที่สุด ผู้ระดมทุนเปิดตัวโปรเจกต์พร้อมเสนอสินค้าหรือบริการล่วงหน้า เช่น ZecZec , MYFEEL และ Flying V เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมในไต้หวัน

การระดมทุนแบบบริจาค (Donation Crowdfunding)

ผู้สนับสนุนมอบเงินโดยไม่หวังผลตอบแทน มักใช้ในโปรเจกต์เพื่อการกุศลหรือไม่แสวงหาผลกำไร

กรณีศึกษาความสำเร็จของการระดมทุนแบบ Crowdfunding มีอะไรบ้าง? ทำไมนักธุรกิจรุ่นใหม่ถึงเลือกใช้ Crowdfunding?

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมนักธุรกิจรุ่นใหม่จำนวนมากถึงเลือกใช้แพลตฟอร์มระดมทุน เช่น Zeczec หรือ MYFEEL เป็นช่องทางหาเงินทุน

ที่จริงแล้ว Crowdfunding ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโตได้อย่างรวดเร็ว หากการระดมทุนประสบความสำเร็จ ก็จะช่วยให้บริษัทได้รับเงินทุน ทรัพยากร และแรงสนับสนุนในการเติบโตที่มากขึ้น

เหตุผลหลักที่นักธุรกิจหรือบริษัทสตาร์ทอัพส่วนใหญ่เลือกที่จะระดมทุนมี 3 ข้อหลัก ๆ ดังนี้

1. ขาดแคลนเงินทุน

การมีเงินทุนที่เพียงพอ เปรียบเสมือนการมีคลังอาวุธที่เต็มไปด้วยกระสุนในสงคราม ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และแผนงานต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน นอกจากนี้ เมื่อเข้าสู่ตลาดจริง เงินทุนที่เพียงพอจะช่วยให้แผนการตลาดสามารถดำเนินการได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

สำหรับธุรกิจที่ต้องการเข้าไปครองส่วนแบ่งในตลาด สิ่งสำคัญคือต้องประมาณการเงินทุนที่ต้องใช้ให้ถูกต้อง หากตลาดเป้าหมายเป็นตลาดที่บริษัทใหญ่ครองอยู่ (ตลาดผูกขาดหรือกึ่งผูกขาด) ค่าใช้จ่ายในการเข้าสู่ตลาดอาจสูงกว่าที่บริษัทผู้นำตลาดใช้อยู่ถึง 3 เท่า

หากการประมาณการเงินทุนผิดพลาด ธุรกิจอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาได้ แต่ไม่มีเงินทุนเพียงพอสำหรับการทำตลาด ส่งผลให้สินค้าไม่สามารถขายได้ตามที่ตั้งใจไว้ 💫

2. เติบโตอย่างรวดเร็ว

ในช่วงเริ่มต้นของธุรกิจ การมีทรัพยากรเพียงพอเพื่อเร่งการเติบโต คว้าโอกาส และเอาชนะคู่แข่ง เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการระดมทุน

ในยุคที่ข้อมูลถูกถ่ายทอดอย่างรวดเร็ว การมีเพียงแค่ไอเดียสร้างสรรค์ไม่เพียงพอ เพราะในเวลาเดียวกันอาจมีทีมสตาร์ทอัพหลายสิบทีมกำลังพัฒนาแผนงานหรือไอเดียเดียวกันอยู่ หากธุรกิจขาดแคลนเงินทุน 💸 ก็หมายความว่าไม่มีทรัพยากรและแรงขับเคลื่อนเพียงพอที่จะต่อสู้กับคู่แข่ง และยากที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วเพื่อคว้าโอกาสสู่ความสำเร็จ

3. เข้าถึงทรัพยากรอื่น ๆ

เงินทุนที่ได้จากการระดมทุนไม่เพียงใช้สำหรับการพัฒนาธุรกิจ แต่ยังสามารถใช้เพื่อ

• จ้างบุคลากรมืออาชีพ
• สร้างเครือข่ายความสัมพันธ์
• เพิ่มประสบการณ์ทางธุรกิจ
• รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

หากขาดสิ่งเหล่านี้ แม้จะมีเงินทุนเพียงพอ ก็อาจไม่สามารถใช้โอกาสที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ ซึ่งอาจทำให้ยากต่อการบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จ

สรุป

Crowdfunding เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับสตาร์ทอัพที่ต้องการเงินทุนเพื่อเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจ โดยสามารถเลือกประเภทการระดมทุนให้เหมาะกับเป้าหมายและลักษณะของโปรเจกต์

บทความที่เกี่ยวข้อง

6 แพลตฟอร์มระดมทุนยอดนิยมที่คุณควรรู้จัก

วิธีนำสินค้าขึ้นแพลตฟอร์ม Crowdfunding และเลือกแพลตฟอร์มให้เหมาะกับสินค้า

Designed by Freepik